บัญชีเงินฝาก (Deposit)
ผู้ฝากเงินกับธนาคารเข้าใจรายละเอียดและเงื่อนไขการฝากเงินมากน้อยแตกต่างกันไป และอาจมีบางส่วนเชื่อมั่นว่าเมื่อฝากเงินก็ต้องได้รับดอกเบี้ยตามที่โฆษณาเป็นผลตอบแทนอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝากมีหลากหลายรูปแบบ และบางรูปแบบมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น ถ้าถอนก่อนกำหนดจะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินประกาศ หรือถ้าถอนเงินมากกว่าจำนวนครั้งที่กำหนดใน 1 เดือนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการถอน เราจึงควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อช่วยทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากการฝากเงินตามเป้าหมายที่เราวางไว้ หรือไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ประเภทของบัญชีเงินฝาก
บัญชีเงินฝากแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ และเงินฝากกระแสรายวัน รวมถึงบัญชีเงินฝากประเภทอื่นๆ อีก 3 ประเภท คือ บัญชีเงินฝากประจำรายเดือนแบบปลอดภาษี บัญชีเงินฝากแบบขั้นบันได และบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งอาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันแต่โดยปกติจะมีลักษณะพื้นฐานดังนี้
• บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (Savings account) เป็นบัญชีที่มักไม่กำหนดระยะเวลาและจำนวนครั้ง ในการฝากถอน มักใช้ร่วมกับบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต และสามารถใช้หักบัญชีอัตโนมัติเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ บัญชีประเภทนี้มักกำหนดเงินฝากขั้นต่ำไว้ไม่สูงนัก แต่ผลตอบแทน (อัตราดอกเบี้ย) ค่อนข้างต่ำ และคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ดังนั้นบัญชีประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะสั้น มีสภาพคล่องเผื่อไว้กรณีต้องทยอยถอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน ใช้ทำรายการผ่านบัญชีธนาคาร เช่น รับโอนเงินเดือนและชำระค่าสาธารณูปโภค
• บัญชีเงินฝากประจำ (Fixed deposit account) มีกำหนดระยะเวลาการฝากถอนที่แน่นอน เช่น 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และมีการจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากแบบออมทรัพย์ธรรมดา โดยธนาคารจะสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์หรือลงทุนได้ตามระยะเวลาการรับฝาก โดยไม่ต้องสำรองไว้เหมือนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เนื่องจากหากผู้ฝากต้องการได้รับดอกเบี้ยตามเงื่อนไข ก็จะต้องไม่ถอนเงินออกจากบัญชีนี้ก่อนกำหนด คือจะไม่สามารถใช้เงินจำนวนที่ฝากประจำอยู่ในระยะเวลาหนึ่งได้ บัญชีประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินแต่ยังไม่ต้องการใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (เงินเย็น) หรือต้องการออมเงินระยะยาวและหวังผลตอบแทนในรูปแบบอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
• บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน (Current account) บัญชีประเภทนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการเงินของบริษัทหรือร้านค้า เพราะสามารถใช้เช็คในการเบิกจ่ายเงินได้ ช่วยลดปริมาณเงินสดที่บริษัทหรือร้านค้าต้องเก็บไว้เพื่อใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ นอกจากนั้น ยังสามารถขอใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft) หรือที่เรียกว่าเงิน O/D ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในกรณีเงินขาดบัญชีและช่วยลดปัญหาเช็คเด้งได้ โดยต้องเสียดอกเบี้ยเฉพาะเงินส่วนที่เบิกเกินบัญชีตามระยะเวลาที่เบิกเกินบัญชี บัญชีประเภทนี้ไม่มีสมุดคู่ฝาก แต่สถาบันการเงินจะจัดส่งบัญชีการเงิน (Statement) ทางไปรษณีย์หรือทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแจ้งยอดเคลื่อนไหวของบัญชีให้ลูกค้าทราบ และโดยทั่วไปมักไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยให้บัญชีเงินฝากประเภทนี้
• บัญชีเงินฝากประจำรายเดือนแบบปลอดภาษี เป็นบัญชีเงินฝากประจำที่ได้รับการยกเว้นภาษี แต่ต้องฝากเงินทุก ๆ เดือนเป็นจำนวนเท่ากันตลอดอายุสัญญา ซึ่งระยะเวลาอาจกำหนดไว้แตกต่างกันในแต่ละธนาคารเช่น 24 เดือน 36 เดือนและมักกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ดังนั้น คนที่อยากเปิดบัญชีเงินฝากประเภทนี้ควรมีรายได้ประจำ และสามารถนำเงินเข้าบัญชีได้อย่างสม่ำเสมอ โดยแต่ละคนมีสิทธิเปิดบัญชีเงินฝากประเภทนี้ได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น ซึ่งหากเลือกเปิดบัญชีกับธนาคารใดแล้วจะเปิดกับธนาคารอื่นหรือธนาคารเดียวกันอีกไม่ได้ เรียกว่า 1 คน 1 สิทธิอย่างเท่าเทียมกัน เพราะหากสรรพากรตรวจพบว่ามีการเปิดมากกว่า 1 บัญชี เราจะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีดังกล่าวเลย ดังนั้น จึงควรเลือกเปิดบัญชีกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง และข้อสำคัญต้องคำนึงถึงความสะดวกในการนำเงินเข้าบัญชีด้วย เพราะถ้าขาดฝากเกินกว่าจำนวนครั้งที่กำหนดซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ไม่เกิน 2 ครั้ง ก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารประกาศ หรือได้รับเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ หรืออาจต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ ซึ่งเงื่อนไขของแต่ละธนาคารจะแตกต่างกัน จึงควรศึกษาเงื่อนไขอย่างรอบคอบเพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิที่พึงจะได้รับจากการฝากเงินประเภทนี้
• บัญชีเงินฝากแบบขั้นบันได (Step-up account) บัญชีเงินฝากแบบขั้นบันไดจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันเป็นช่วงๆ เช่น ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนขั้นบันไดและโฆษณาจูงใจว่าได้รับผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยสูงแต่มักเป็นเพียงช่วงเดือนสุดท้ายเท่านั้น หากคิดจะฝากต้องดูที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงต่อปีของทั้งโครงการ ซึ่งสถาบันการเงินต้องแจ้งให้เราทราบด้วยเพราะข้อมูลและการเปรียบเทียบดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่แท้จริงต่อปีของทั้งโครงการของแต่ละธนาคารที่มีบริการบัญชีประเภทนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกฝากเงินของเราที่ตรงกับความต้องการของเราได้
• บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign currency account) เป็นบัญชีเงินฝากที่เหมาะกับผู้ที่มีรายรับหรือมีภาระค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศ สามารถใช้เงินในบัญชีมาทำธุรกรรมทางการเงินได้เลยโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนเงินบ่อยๆ ซึ่งลูกค้าสามารถเปิดได้ทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ และเงินฝากกระแสรายวัน โดยดอกเบี้ยรับที่ได้จะต้องเสียภาษีด้วย อย่างไรก็ตาม การฝากเงินเป็นเงินตราต่างประเทศจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และค่าบริการในการทำธุรกรรมสำหรับบัญชีประเภทนี้อาจจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ
ขอขอบคุณที่มาของบทความ : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์