กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน ในช่วง COVID-19

กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน ในช่วง COVID-19




 

       

          เมื่อบริษัทต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโคโรน่า ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจ Healthcare และ Biotechnology มีโอกาสเติบโตสูงจากการพัฒนาวัคซีน ซึ่งนักลงทุนควรมองถึงการกระจายลงทุนเฉพาะเจาะจงในกลุ่มธุรกิจ เช่น Healthcare ETF, Biotechnology ETF  ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน โดยล่าสุดยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งสูงกว่า 16 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้วทั่วโลกกว่า 6 แสนคน ขณะที่ในหลายประเทศยังใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายประชาชน เพื่อควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดส่งผลอย่างมากต่อวิถีชีวิตของประชาชนรวมถึงแนวโน้มหดตัวทางเศรษฐกิจ

          ซึ่งการที่จะสร้างความมั่นใจให้รัฐบาลกลับมาอนุญาตให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ และประชาชนมีความกล้าที่จะออกมาดำเนินชีวิตอย่างเดิมนั้น อาจจะต้องคอยจนกว่าจะสามารถกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยปัจจุบันนักวิจัยกำลังเร่งมืออย่างเต็มที่ในการพัฒนาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ดี การพัฒนาวัคซีนนั้นมีความซับซ้อนค่อนข้างมากเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความปลอดภัยเพียงพอ เนื่องจากต้องผลิตและแจกจ่ายให้กับประชากนับล้าน

ดังนั้นกระบวนการทดสอบวัคซีนจึงต้องมีหลายขึ้นตอน ซึ่งสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนต่างดังนี้

  • การทดลองก่อนการทดสอบทางคลินิก (Pre-Clinic stage of testing) ซึ่งเป็นการให้วัคซีนให้แก่สัตว์ เพื่อดูว่ามีการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันหรือไม่

  • การทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 (Phase 1 of Clinic trail) วัคซีนนี้จะถูกมอบให้กับคนกลุ่มเล็กๆ เพื่อทดสอบการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในขนาดต่างๆ และเพื่อระบุผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน

  • การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 (Phase 2 of Clinic trail) ทำการทดสอบวัคซีนกับกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพดีกลุ่มใหญ่หลายร้อยคนเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและปริมาณการให้วัคซีนที่ถูกต้อง

  • การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 (Phase 3 of Clinic trail) วัคซีนจะมอบให้กับคนหลายพันคนเพื่อยืนยันความปลอดภัยรวมถึงผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของวัคซีน โดยการศึกษาเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่ได้รับวัคซีนและผู้ที่ได้รับยาหลอก เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างสองกลุ่มนี้เกิดจากวัคซีน โดยปกตินักวิจัยมักจะติดตามผู้เข้าร่วมการศึกษาระยะที่ 3 เป็นระยะเวลานานเพื่อติดตามความปลอดภัยและประสิทธิภาพระยะยาว การเฝ้าระวังตามหลังบางครั้งเรียกว่าการทดลองทางคลินิกระยะที่ 4

ซึ่งหากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ประสบความสำเร็จนักวิจัยจะดำเนินการขออนุญาตกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเพื่อขออนุญาตผลิตและจำหน่ายวัคซีน แม้กระทั่งหลังจากที่วัคซีนเริ่มเข้าสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์การเฝ้าระวังความปลอดภัยและประสิทธิภาพของมันยังคงดำเนินต่อไป

          จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่าปัจจุบันกำลังมีวัคซีนมากกว่า 140 บริษัททั่วโลกที่กำลังทำการวิจัย และทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรน่าอยู่ในขณะนี้ โดยบริษัทที่น่าจับตาและคาดหมายว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้เป็นกลุ่มแรกๆ ได้แก่ วัคซีนจากบริษัท Moderna และ Novavax ของประเทศสหรัฐ วัคซีนของบริษัท AstraZeneca ของอังกฤษ  วัคซีนของบริษัท BioNtech ของเยอรมันที่พัฒนาร่วมกันกับบริษัท Pfizer ของสหรัฐ วัคซีนจากสถาบันวิจัย Murdoch ของออสเตรเลีย และวัคซีนจากประเทศจีน ได้แก่ บริษัท Sinopharm, บริษัท Sinovac และบริษัท CanSino Biologics เป็นต้น โดยบริษัทเหล่านี้เป็นกลุ่มผู้นำที่กำลังทดสอบวัคซีนกับมนุษย์ในระยะที่ 2 และ 3 ซึ่งนักวิจัยได้ตั้งความหวังว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนให้ได้ภายในต้นปี 2564


          ตามที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่ากลุ่มธุรกิจ Healthcare และ Biotechnology มีโอกาสเติบโตสูงจากการพัฒนาวัคซีน สำหรับนักลงทุนที่มีความสนใจลงทุนในสิ่งที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความคืบหน้าในการทดสอบวัคซีนป้องการไวรัสโคโรน่าในอนาคตนั้น สามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุน ETF (Exchange Trade Fund) ที่มีการกระจายไปลงทุนเฉพาะเจาะจงในกลุ่มธุรกิจ เช่น Healthcare ETF, Biotechnology ETF

 


ที่มา : www.bangkokbiznews.com

 643
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์