ประกันสังคมส่งเสริมการออม

ประกันสังคมส่งเสริมการออม




 

       

          ปัจจุบันคนไทยในวัยทำงานจำนวนกว่า 12 ล้านคน ได้มีการออมเพื่อวัยเกษียณผ่านระบบการออมต่างๆ ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ครอบคลุมข้าราชการจำนวน 1.1 ล้านคน กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ ครอบคลุมผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคน และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครอบคลุมพนักงานเอกชนและรัฐวิสาหกิจจำนวน 2 ล้านคน โดยที่เงินออมทั้ง 3 ระบบมีจำนวนรวมกันมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท การส่งเสริมให้เกิดการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ นอกจากจะช่วยดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ช่วยให้ภาคเศรษฐกิจไทยได้มีแหล่งเงินนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ได้ ซึ่งรัฐบาลเองมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัด โดยสนับสนุนให้มีการออมในระดับครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

          สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มจัดเก็บเงินสมทบกรณีชราภาพเมื่อปี 2542 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการออมจากผู้ประกันตนกว่า 9  ล้านคนทั่วประเทศ  โดยให้ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบในช่วงที่ผู้ประกันตนทำงานเพื่อออมไว้ในรูปของบำเหน็จหรือบำนาญตามเงื่อนไขของการรับสิทธิ  เพื่อไว้ยังชีพในยามชราโดยในจำนวนเงินสมทบ 5%  ที่ผู้ประกันตนส่งสมทบ เข้ากองทุนประกันสังคมนั้น 3%  เป็นเงินออมกรณีชราภาพ  นายจ้างช่วยสมทบอีก 3%  รวมเป็น 6% ซึ่งสำนักงานประกันสังคมออมเตรียมไว้จ่ายเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ ในขณะนี้  ผู้ประกันตนจำนวน 9.18  ล้านคนมีเงินออมรวมกันมากถึง 4  แสนล้านบาท  ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะกลายเป็นกองทุนที่มีความเข้มแข็ง  มีอำนาจในการต่อรองในการลงทุน  เช่นในปี  2550  ที่ผ่านมา  สำนักงานประกันสังคมสามารถบริหารเงินกองทุนดังกล่าวทำให้อัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพที่จ่ายให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินบำเหน็จสูงถึง  6.30  ต่อปี

          ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะได้รับคืนเงินออมกรณีชราภาพซึ่งขึ้นอยู่กับการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน คือ เงินบำเหน็จชราภาพ  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิก็ต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 180  เดือน และมีอายุครบ 55  ปีบริบูรณ์  และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง หรือเป็น  ผู้ทุพพลภาพ  หรือถึงแก่ความตาย  เงินบำนาญชราภาพ  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิก็ต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะ 180 เดือน จะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์  และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (จะมีผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธินี้ ในปี 2557)

           ถึงแม้ กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ  จะคลอบคลุมเพียงผู้ประกันตนจำนวน 9.18  ล้านคน  แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของสำนักงานประกันสังคม ที่ได้มีส่วนร่วม ในการส่งเสริมการออมให้แก่คนไทย  เพื่อให้ผู้ประกันตนได้มีเงินออมที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพได้หลังวัยเกษียณ ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมก็ยังมีความหวังว่าคนไทยจะมีความตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัด  อันจะส่งผลดีต่อตนเองและประเทศชาติในอนาคต

 


ที่มา :www.thaitaxinfo.com

 762
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์