พูดถึง Economiy of scale ในมุมเศรษฐศาสตร์คือการสั่งผลิตของในครั้งหนึ่งเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตนั้นถูกลง เท่ากับว่าทำให้เราขายได้กำไรมากขึ้น เพราะในการผลิตสินค้าในแต่ละครั้งมีต้นทุนที่แตกต่างกันไปด้วยจำนวนการผลิตวัตถุดิบในช่วงฤดูกาลนั้น ปัจจัยภายนอกทำให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาต้นทุนในแต่ละครั้ง
ดังนั้นจะเห็นว่าสินค้าเหมือนกันแต่ขายในราคาที่ต่างกัน เหตุผลหนึ่งนั้นมาจากต้นทุนนั้นเอง หรือบางช่วงเวลาที่วัตถุดิบมีราคาถูกลงตามฤดูกาล เราสามารถผลิตได้มากขึ้น ย่อมทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม เพราะ Economy of scale เป็นการเร่งกระบวนการผลิตให้มากขึ้นภายในเวลาที่เท่ากัน
หลายธุรกิจจึงเริ่มขยายสาขาหรือที่เรียกว่าแฟรนไชส์ หรือถ้าเป็นธุรกิจออนไลน์เรียกว่าการหาตัวแทน เพราะถ้าธุรกิจมีตัวแทนหรือสาขาเพิ่มมากขึ้นการสั่งผลิตจะ Supplier ได้ในราคาที่ถูกลงและเป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการกักตุนสินค้าเพราะถ้ามีตัวแทนจำหน่ายเยอะก็จะทำให้สามารถกระจายสินค้าได้มากขึ้นด้วย
การเพิ่ม Economy of Scale มีวิธีและผลดีดังนี้
-
เพิ่มสาขาและหาตัวแทน เพราะจะทำเรากระจายสินค้าได้มากขึ้นและยังลดต้นทุนการบริหารจัดการ
-
วางแผนการดำเนินงานให้เป็นในทิศทางและมาตรฐานเดียวกัน เพราะทุกสาขาคือจะอยู่ภายใต้แบรนด์เดียวกันทำให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค
-
คู่แข่งเข้ามาทำการตลาดยากขึ้นเพราะต้องใช้ทุนมาก เพราะเมื่อเราสามารถผลิตด้วยต้นทุนที่ถูกลงและมีการกระจายสินค้าได้มากขึ้นทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งในตลาดเดียวกันได้ยาก
-
ต้นทุนการผลิตลดลง ทำให้ได้กำไรจากการขายต่อชิ้นได้เพิ่มขึ้น
การวางแผนทำธุรกิจโดยเน้นการเพิ่ม Economy of Scale ทำให้ธุรกิจมีรากฐานการดำนินงานที่มั่นคง ทำให้มีตัวแทนหรือแฟรนไชส์เยอะขึ้นจากความน่าเชื่อถือในการทำงาน และผลประกอบการที่จะทำให้มีคนสนใจซื้อแฟรนไชส์หรือเลือกลงทุนเพื่อเป็นตัวแทน การกระจายสินค้าและการเพิ่มการผลิตมากขึ้นตาม ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำกำไรต่อชิ้นได้มากขึ้น
