อย่าลืม! บันทึกบัญชีขายของออนไลน์ ถ้าไม่อยากถูกภาษีย้อนหลัง

อย่าลืม! บันทึกบัญชีขายของออนไลน์ ถ้าไม่อยากถูกภาษีย้อนหลัง

อย่าลืม! บันทึกบัญชีขายของออนไลน์ ถ้าไม่อยากถูกภาษีย้อนหลัง




อาชีพยอดฮิตในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นการขายของออนไลน์ ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Line My Shop , Lazada , Shopee , Instagram , TikTok เป็นต้น รายได้จากการขายของออนไลน์เหล่านี้ ควรมีการ 
บันทึกบัญชีขายของออนไลน์ และยื่นเสียภาษีให้ถูกต้องด้วย

แต่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ จะขายในนามบุคคลธรรมดาและยื่นภาษีเอง ซึ่งมีโอกาสยื่นภาษีไม่ถูกต้องจนโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังสูงมาก 

และด้วยเหตุนี้การขายของออนไลน์สำหรับบุคคลธรรมดา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทราบวิธีการจัดการเรื่องบัญชีอย่างถูกต้อง ถูกกฎหมาย ดังสามารถอธิบายได้ดังนี้    

 

หลักเกณฑ์การทำบัญชีขายของออนไลน์

การทำบัญชีขายของออนไลน์คล้ายกับการทำบัญชีขายในรูปแบบทั่วไป แต่มีบางประการที่ควรใส่ความสำคัญเพิ่มเติมเนื่องจากลักษณะการธุรกิจออนไลน์ที่แตกต่างไปจากธุรกิจที่มีร้านค้าที่สถานที่ตั้งแบบดั้งเดิม. นี่คือหลายหลักเกณฑ์ที่สำคัญที่ควรพิจารณา

โดยแนวทางการทำบัญชีรายรับรายจ่ายขายของออนไลน์ในนามบุคคลธรรมดา สามารถอธิบายได้ดังนี้

1.การบันทึกการเงินทุกรายการ: ควรบันทึกทุกรายการการเงินที่เกิดขึ้นในธุรกิจของคุณ เช่น รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ, ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าโฆษณาออนไลน์, ค่าจัดส่ง, ค่าจ้างพนักงาน เป็นต้น

2.จัดทำเป็นภาษาไทย โดยหากทำเป็นภาษาอื่นต้องมีภาษาไทยกำกับด้วย

3.ต้องบันทึกภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่รับ/จ่ายเงิน

4.การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเรียบร้อย: ควรตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ายอดเงินในบัญชีตรงกับรายการบันทึกของคุณ

5.การเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบภายนอก: ควรเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบภายนอก เช่น การเตรียมเอกสารทางการเงิน, การสร้างรายงานการเงินเพื่อให้แก่ผู้ตรวจสอบ

6.การเข้าใจภาษี: ควรทำความเข้าใจถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เช่น ภาษีขาย, ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, และภาษีอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อธุรกิจของคุณ

7.ให้สรุปยอดรายรับและรายจ่ายเป็นรายเดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ส่วนนิติบุคคลไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์นี้ในการทำบันทึกบัญชีขายของออนไลน์ได้ ต้องทำบัญชีโดยนักบัญชีโดยตรง

 

รายละเอียดที่ควรมีในการ บันทึกบัญชีขายของออนไลน์

การลงรายละเอียดต่างๆ ในบันทึกบัญชีขายของออนไลน์ ควรลงให้ชัดเจนทั้งรายรับและรายจ่าย ว่าเป็นเงินเท่าไร ซึ่งรายละเอียดในบัญชีร้านค้าของพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ จะต้องมีเนื้อหาตรงกับที่กรมสรรพากรกำหนด และสามารถเพิ่มรายละเอียดอื่นๆ ได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้ง่ายและชัดเจนเวลายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งประกอบด้วย   

1.วัน เดือน ปี เขียนวันที่มีรายการรับเงินและจ่ายเงิน 

2.รายการ ลงรายละเอียดของรายการรับเงิน และรายการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นประจำวัน

3.รายรับ บันทึกจำนวนเงินที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รับเข้ามา เช่น การขายินค้า การกู้ยืมเงิน เป็นต้น

4.รายจ่าย บันทึกจำนวนเงินที่ทางร้านจ่ายออกไปในแต่ละวัน โดยแบ่งเป็นรายจ่ายซื้อสินค้า และรายจ่ายอื่นๆ เช่น ค่ากล่องพัสดุ ค่าขนส่งสินค้า  

5.ลงยอดรวมรายเดือน รวมเงินที่ได้รับและจ่ายไว้ในช่องยอดรวม ซึ่งเป็นการรวมเงินในแต่ละเดือนในตอนสิ้นเดือน

นอกจากนี้ต้องเก็บเอกสารรายจ่ายเพื่อประกอบการยื่นภาษี เช่น บิลเงินสด ใบแจ้งหนี้ใบสำคัญจ่ายและเอกสารรับเงิน ไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จรับเงิน ใบนำฝากธนาคาร สำเนารายการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคาร แยกเป็นหมวดหมู่รายเดือน เพื่อให้สะดวกตอนยื่นภาษี

ดังนั้น หลังจากลงรายละเอียดครบแล้ว จะทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ สามารถนำไปแสดงรายได้ในการยื่นเสียภาษีที่กรมสรรพากรได้อย่างถูกต้อง และนำไปวางแผนค่าใช้จ่ายต่อไปได้

 

ประโยชน์ของการ บันทึกบัญชีขายของออนไลน์

  1. การทราบสถานะการเงินของธุรกิจ: การบันทึกบัญชีช่วยให้คุณเข้าใจถึงสถานะการเงินปัจจุบันของธุรกิจออนไลน์ของคุณได้โดยง่าย เช่น รายได้, ค่าใช้จ่าย และกำไรขาดทุน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมั่นใจและเป็นระบบมากขึ้น
  2. การวางแผนและการตัดสินใจ: การมีข้อมูลเกี่ยวกับรายได้และค่าใช้จ่ายจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการดำเนินธุรกิจและการลงทุนได้อย่างมีเหตุผล และทำให้คุณสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขยายธุรกิจ, การลดค่าใช้จ่าย, หรือการลงทุนในโปรโมชั่นการตลาดอื่น ๆ ได้ตระหนักมากขึ้น
  3. การปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไข: การบันทึกบัญชีช่วยให้คุณสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไขทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้อย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในการตรวจสอบ
  4. การเตรียมการเพื่อการเติบโต: การบันทึกบัญชีช่วยให้คุณสามารถสร้างรายงานการเงินที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ลงทุนหรือหน่วยงานอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้คุณสามารถดึงดูดผู้ลงทุนใหม่หรือสนับสนุนการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สรุป… ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้อยู่เสมอ

ดังนั้น หากพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ในนามบุคคลธรรมดา เลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง โดยต้องเก็บเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน หรือในกรณีที่ฐานภาษีที่ต้องเสียสูงกว่า 20% อาจต้องพิจารณาเรื่องการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และบันทึกบัญชีขายของออนไลน์ โดยแยกตามรูปแบบการเสียภาษีได้ดังนี้

1.บุคคลธรรมดา ควรจดบันทึก ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ตลอด เพื่อให้ทราบรายละเอียดในแต่ละธุรกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำบันทึกรายรับรายจ่ายและยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยตนเองได้

2.นิติบุคคล กฎหมายกำหนดว่า ผู้มีรายได้ที่จดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องมีการทำบัญชีภาษีตามกฎหมายกำหนด เพื่อบันทึกรายการค้าขายต่างๆ ที่เกิดขึ้นของกิจการ จำแนกและสรุปผลให้ได้ข้อมูลทางบัญชี เพื่อนำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสรรพากรด้วย

ทั้งนี้ การทำบัญชีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนนิติบุคคล ไม่สามารถใช้เอกสารและหลักเกณฑ์การบันทึกบัญชีขายของออนไลน์ดังที่กล่าวนี้ได้ จำเป็นต้องมีผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด รวมถึงต้องจ้างผู้สอบบัญชีอิสระเข้ามาช่วยตรวจสอบเซ็นรับรองงบการเงินประจำปีด้วย ซึ่งการเลือกจ้างสำนักงานบัญชีรับทำบัญชีให้จะสะดวกและถูกต้องมากกว่า


 14056
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์