3 เรื่องที่มักเข้าใจผิด เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล

3 เรื่องที่มักเข้าใจผิด เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล





1. ยิ่งกำไรน้อย ยิ่งเสียภาษีน้อย

ความเข้าใจผิดแรกนั้น เริ่มต้นจากความคิดที่ว่า ธุรกิจที่ยิ่งกำไรน้อยเท่าไร ก็ยิ่งเสียภาษีนิติบุคคลน้อยเท่านั้น เอ๊า!! ถ้าแบบนี้เราก็ทำให้ “ธุรกิจขาดทุน” เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งคำพูดก็ถือว่าเป็นคำพูดที่ถูกครึ่งหนึ่ง แต่เราต้องไม่ลืมเงื่อนไขที่ว่า ขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้น ต้องเป็น ขาดทุนทางภาษี ไม่ใช่ ขาดทุนทางบัญชี เพราะธุรกิจต้องมีการปรับปรุงรายการกำไร (ขาดทุน) ทางบัญชีให้กลายเป็นกำไร (ขาดทุน) ทางภาษีเสียก่อน แล้วค่อยคำนวณโดยการคูณอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่กฎหมายกำหนดครับ

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งมีการขาดทุนทางบัญชี 1 ล้านบาท แต่พบว่ามีค่าใช้จ่ายจำนวน 2 ล้านบาทที่ไม่มีเอกสารหลักฐานการจ่าย และเป็นรายจ่ายส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจ ซึ่งรายจ่ายในส่วนนี้จะไม่สามารถถือเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ก็เลยกลายเป็นว่า ขาดทุนทางบัญชีจำนวน 1 ล้านบาทก็จะถูกบวกกลับเข้าไปด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนดังกล่าว ทำให้บริษัทมีกำไรทางภาษี จำนวน 1 ล้านบาทแทน
 

2. จดทะเบียนเป็น SMEs ได้ลดอัตราภาษีแน่ๆ

เรื่องต่อมาก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราได้ยินกันบ่อยๆ กับคำว่า “SMEs ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีนิติบุคคล” โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่มีเงื่อนไขตามที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ คือ “เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท” หรือพูดสั้นๆ ก็คือสำหรับธุรกิจที่มี “ทุนชำระไม่เกิน 5 ล้านบาทและมีรายได้น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี” จะได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล

สิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษี
ส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท ยกเว้นภาษี
ส่วนที่เกิน 300,000 - 1,000,000 บาท
15%
ส่วนที่เกิน 1,000,000 บาท
20%

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหานั่นคือ คำว่า “และ” ซึ่งหมายถึงธุรกิจของเราจะต้องมีทั้งสองเงื่อนไข คือ ทุนชำระที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท และ รายได้น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี ไปพร้อม ๆ กัน และถ้าหากปีใดมีการผิดเงื่อนไข ปีต่อไปก็ไม่มีสิทธิในการใช้ตามเงื่อนไขการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลนี้อีกด้วย!!

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่ง มีรายได้ในปี 2556 จำนวน 29 ล้านบาท และมีทุนชำระจำนวน 5 ล้านบาท สำหรับรอบบัญชีปี 2556 จะสามารถใช้สิทธิลดอัตราภาษีได้ แต่ถ้าปี 2557 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 35 ล้านบาท และมีทุนชำระ 5 ล้านบาท จะถือว่าบริษัทแห่งนี้หมดสิทธิในการเป็น SMEs ที่ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลทันที ถึงแม้ว่าในปี 2558 บริษัทนี้จะกลับมามีรายได้ต่ำกว่า 30 ล้านบาทก็ตาม
 

3. ภาษีครึ่งปี ต้องจ่ายด้วยหรอ?

สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่คำนวณภาษีจากกำไรสุทธิทางภาษีนั้น นอกจากยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับรอบบัญชีแล้ว (ภ.ง.ด. 50) ยังมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบบัญชีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) ภายใน 2 เดือนหลังจากวันครึ่งรอบบัญชี เช่น ถ้ารอบบัญชีของบริษัทคือวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม วันครึ่งรอบบัญชีคือวันที่ 30 มิถุนายน โดยต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปีให้ทันกำหนดเวลาภายในสิ้นเดือนสิงหาคมของทุกปี มิฉะนั้นจะมีปัญหาทั้งค่าปรับ (สูงสุด 2,000 บาท) และเงินเพิ่ม (คิดจากภาษี) ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนอีกด้วย

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการประมาณกำไรสุทธิครึ่งปีขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิจริง โดยไม่มีเหตุอันสมควร อาจจะทำให้ธุรกิจของเราต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของเงินภาษีอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้ แนะนำให้ปรึกษาทางบัญชีเพิ่มเติม

สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนต้องระวังและเตรียมพร้อมเสมอ คือ การเสียภาษีให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
เพื่อลดโอกาสเจอสรรพากร รวมถึงต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มมากมายโดยที่ไม่จำเป็น


cr: https://www.krungsri.com
 160
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์