“ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” (ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91) คือภาษีที่ทางภาครัฐเรียกเก็บจากผู้ที่มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จากการทำงานประจำ โดยจะมีการเรียกเก็บภาษีเงินได้ที่ต้องเสียเป็นรายปี โดยผู้มีรายได้ทุกคนมีหน้าที่ต้องแสดงเอกสารที่เรียกว่า “แบบชำระภาษี” เพื่อทำการนำจ่ายให้กับทางภาครัฐหรือกรมสรรพากรอย่างถูกต้องในช่วงเวลาที่กำหนดระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคมของทุกปี ซึ่งผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษีเงินได้นั้นเบื้องต้นต้องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ก่อนคือ “ผู้ที่เข้าเกณฑ์ยื่นภาษี” และ “ผู้ที่เข้าเกณฑ์เสียภาษีเงินได้” โดยมีรายละเอียดดังนี้
ในกลุ่มแรกนี้สามารถแยกย่อยลงไปอีกระหว่างคนโสดและคนมีคู่
คนโสด
คนมีคู่
กลุ่มถัดมาคือกลุ่มผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยเริ่มต้นจากผู้ที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี หรือผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,833 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา เพราะเมื่อนำรายได้ทั้งปีมาหักลบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงสิทธิ์ลดหย่อนต่าง ๆ ก็จะทำให้เหลือเงินสุทธิไม่เกิน 150,000 บาท
ส่วนคนที่มีรายได้มากกว่า 150,000 บาทสามารถอิงจากอัตราการเสียภาษีเงินได้รายบุคคลที่ต้องเสียการจากกรมสรรพากรเพื่อเปรียบเทียบได้ในหัวข้อถัดไป
ตารางเปรียบเทียบอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาจากกรมสรรพสามิต เป็นชุดข้อมูลที่ได้มีการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้ที่ต้องเสียเมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา เงินได้สุทธิขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีจะเริ่มที่ 150,000 บาท คิดเป็น 5% ของเงินได้ทั้งหมด หรือประมาณ 7,500 บาท ส่วนในช่วงรายได้สุทธิที่มากขึ้นก็จะมีอัตราภาษีที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ขั้นเงินได้สุทธิตั้งแต่ | เงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้น | อัตราภาษี | ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้ | ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น |
0 – 150,000 | 150,000 | 5 | ยกเว้น* | |
เกิน 150,000 – 300,000 | 150,000 | 5 | 7,500 | 7,500 |
เกิน 300,000 – 500,000 | 200,000 | 10 | 20,000 | 27,500 |
เกิน 500,000 – 750,000 | 250,000 | 15 | 37,500 | 65,000 |
เกิน 750,000 – 1,000,000 | 250,000 | 20 | 50,000 | 115,000 |
เกิน 1,000,000 – 2,000,000 | 1,000,000 | 25 | 250,000 | 365,000 |
เกิน 2,000,000 – 5,000,000 | 3,000,000 | 30 | 900,000 | 1,265,000 |
เกิน 5,000,000 บาท ขึ้นไป | 35 |
สำหรับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถคำนวณได้ 2 ขึ้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
สำหรับ First Jobber หรือกลุ่มพนักงานที่พึ่งทำงานเป็นปีแรก อาจสงสัยกันว่าตนเองจำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่สามารถฟันธงได้ว่าต้องเสียหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนเริ่มต้นของแต่ละคนเป็นหลัก แต่โดยส่วนมากหากมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 25,833 บาท ก็อาจไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียนั่นเอง แต่ทุกคนจำเป็นต้องยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาเหมือนกัน จากการอิงตามฐานเงินได้ของคนโสดที่เกิน 120,000 บาทต่อปี
มาถึงมุมของคนที่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเงินได้กันบ้าง หลาย ๆ คนมักมองหาตัวช่วยหรือวิธีลดหย่อนภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการลดหย่อนภาษีนั้นเป็นวิธีการที่สามารถนำไปหักกับเงินได้ หลักจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วก็จะช่วยให้เสียภาษีได้น้อย แต่จะได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่ อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับวิธีลดหย่อนภาษีแต่ละประเภทโดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 5 กลุ่มดังนี้
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อการมีที่อยู่อาศัย ลดหย่อนตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
กลุ่มนี้จะนับเป็นกลุ่มพิเศษที่ต้องรอโครงการจากทางภาครัฐ โดยที่ผ่าน ๆ มาทางภาครัฐเคยออกโครงการ “ช้อปดีมีคืน” เพื่อนำไปเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดหย่อนภาษีให้กับบุคคลธรรมดาได้ ส่วนโครงการของปีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่ ต้องรอการประกาศจากทางภาครัฐอีกที
เรื่องภาษีเงินได้เป็นเรื่องทั่วไปที่ใกล้ตัวทุกคนที่สุด เพราะนับเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะต้องเสียภาษีเพื่อให้ภาครัฐได้นำเงินไปพัฒนาประเทศชาติหรือนำไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน แต่ถึงอย่างนั้นภาครัฐก็ยังคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนด้วยสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีจากภาระส่วนบุคคลที่ครอบคลุมตั้งแต่ภาระส่วนบุคคล ครอบครัว ไปจนถึงการลงทุนต่าง ๆ สำหรับใครที่ได้ยื่นภาษีพร้อมชำระไปเรียบร้อยแล้วสามารถตรวจสอบภาษีเงินคืนได้จากการเช็กยอดเงินเข้าทางพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนหรืออยากตรวจสอบสถานะภาษีเงินคืนที่ลึกกว่านั้นสามารถเข้าได้ทางเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ได้ทันที
เครดิต : https://humanica.com/th/blog/how-to-tax-filing-and-refund/