เงินได้จากวิชาชีพอิสระ

เงินได้จากวิชาชีพอิสระ






     

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดไว้อย่างไร

          เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ประกอบด้วย วิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระอื่น ตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร

 1.เป็นที่น่าสังเกตว่า เงินได้พึงประเมินประเภทนี้ ถูกแยกออกจากเงินได้จากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งที่พื้นฐานของการมีเงินได้มีลักษณะใกล้เคียงกัน กล่าวคือ

  (1) เป็นการประกอบอาชีพที่ใช้ความสามารถของบุคคลธรรมดาคนเดียวตามลำพัง 

  (2) เงินได้เป็นไปตามสัญญารับทำงานให้หรือสัญญาจ้างทำของ ซึ่งมุ่งผลสำเร็จของงาน 

  (3) ผู้รับทำงานให้มีอิสระในการปฏิบัติงานไม่ต้องขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ข้อบังคับของผู้ว่าจ้าง

 2.สำหรับเงินได้จากวิชาชีพอิสระนั้น มีข้อแตกต่างจากเงินได้ประเภทที่ 2 ในส่วนของเงินได้จากการรับทำงานให้ ในประเด็นที่สำคัญ คือ 

  (1) การใช้วิชาชีพอิสระดังกล่าว 

  (2) วิชาชีพอิสระดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็นวิชาชีพ (Professional) โดยมีการบัญญัติกฎหมายรองรับการเป็นวิชาชีพ ซึ่งมีองค์กรแห่งวิชาชีพนั้นๆ เช่น แพทยสภา สภาทนายความ สภาวิชาชีพบัญชี วิศวกรรมสถาน เป็นต้น วางข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติในวิชาชีพขึ้นเป็นพิเศษ

  (3) ผู้ประกอบวิชาชีพนี้ ต้องผ่านการศึกษาเล่าเรียนในสาขาวิชาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องมีใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ


มีแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินได้ของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ ว่าเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
40 แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทใด หรือไม่ อย่างไร

          กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินได้จากการประกอบโรคศิลปะของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0811/03786 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2541 ดังนี้

1.กรณีผู้มีเงินได้ทำงานในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง หรือมีรายได้พิเศษจากสถานพยาบาลที่ตนทำงานอยู่ เช่น เงินค่าล่วงเวลาจากการเข้าเวร หรือค่าตอบแทนพิเศษในการรักษาผู้ป่วย เป็นต้น ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

2.กรณีผู้มีเงินได้ตาม 1 ไปทำงานเป็นครั้งคราวในสถานพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง โดยได้รับค่าตอบแทนหรือค่าจ้างจากการทำงานเป็นจำนวนแน่นอนในแต่ละเดือน ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นงานประจำหรืองานชั่วคราว ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร

3.กรณีผู้มีเงินได้ทำสัญญาหรือข้อตกลงพิเศษกับสถานพยาบาลที่ตนทำงานอยู่เพื่อประกอบโรคศิลปะเป็นการส่วนตัวนอกเวลาทำการปกติ โดยการรับตรวจและรักษาผู้ป่วย และมีข้อตกลงแบ่งเงินที่ตนได้รับจากผู้ป่วยให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร

4.กรณีผู้มีเงินได้ทั้งที่ทำงานประจำและมิได้ทำงานประจำในสถานพยาบาลของรัฐหรือของเอกชน แต่ได้ประกอบโรคศิลปะ โดยการรับตรวจและรักษาผู้ป่วยที่ตนนำเข้ามารักษาที่สถานพยาบาลอีกแห่งหนึ่งเป็นครั้งคราว ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร

5.กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะมีเงินได้จากการเปิดสถานพยาบาลเป็นของตนเอง เฉพาะที่ไม่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร

  อนึ่ง สำหรับการประกอบโรคศิลปะ หมายถึง การประกอบอาชีพของแพทย์ผู้บำบัดรักษาเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์หรือคนไข้เท่านั้น ไม่รวมถึง สัตวแพทย์ หรือเภสัชกร

 



ที่มา : www.pattanakit.net

 1967
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์