8 สายงาน กับจุดเปลี่ยน หลังวิกฤต โควิด-19

8 สายงาน กับจุดเปลี่ยน หลังวิกฤต โควิด-19

         

          ภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์  เมื่อดอกเบี้ยออมทรัพย์ต้องเสียภาษี นักบัญชีทั้งหลายต้องเรียนรู้และใส่ใจอะไรบ้าง

1 กฏหมายที่ตั้งไว้
ที่ผ่านมากฎหมายให้สิทธิยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ไม่เกิน 20,000 บาท ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ฉบับที่ 55 ซึ่งระบุหมายถึง ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ “รวมกันทุกธนาคาร” ต้องไม่เกิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากธนาคารไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลกัน มันเลยมีปัญหาและช่องโหว่ของกฎหมายอยู่ เลยทำให้บางธนาคารอาจจะมีการชี้ช่องทางให้ลูกค้าว่า ถ้าดอกเบี้ยจะครบ 20,000 บาทให้มาปิดบัญชีแล้วเปิดใหม่ จะได้ไม่ต้องเสียภาษี
แต่กฎหมายใหม่ออกมาบอกว่า ธนาคารต้องส่งข้อมูลการคิดดอกเบี้ยและการจ่ายดอกเบี้ยออมทรัพย์ให้สรรพากรปีละ 4 ครั้ง นั่นแปลว่าต่อจากนี้สรรพากรจะรู้ว่าใครที่มีเงินฝากเยอะ หลายบัญชี ดอกเบี้ยออมทรัพย์ได้รับเกิน 20,000 บาท แต่ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไว้ จะได้ให้ธนาคารแต่ละธนาคารหักภาษีและนำส่งถูกต้องต่อไป
ฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา แต่ปัญหาที่มันเกิดตามมาก็คือ กฎหมายฉบับนี้มีการระบุประเด็นสำคัญไว้ว่า ถ้าหากเจ้าของบัญชีคนไหนที่ได้รับดอกเบี้ยออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท (ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี) แต่ไม่ยินยอมให้ธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร จะต้องถูกธนาคารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เลย 15% ทันที

2 ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญ 

           เรื่องแรก คือ ความยากลำบากในการแจ้งข้อมูลกับทางธนาคาร เพราะยังไม่รู้ว่าแนวทางการแจ้งข้อมูลจะเป็นอย่างไร จะต้องไปแจ้งข้อมูลกับธนาคารไหม หรือ ไม่ต้องไปแจ้งข้อมูล ซึ่งตรงนี้ต้องรอดูกันต่อไป

          เรื่องที่สอง คือ ถ้าไม่ยอมให้ธนาคารแจ้งข้อมูล แต่ยอมให้หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไปเลยจากดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ได้ ปัญหาอาจจะตกกับทางผู้มีเงินได้เช่นเดียวกัน นั่นคือ ถ้าเราเสียภาษีเงินได้ในฐาน 20% แล้ว การถูกหักภาษี 15% ไว้แบบนี้ก็ไม่สามารถขอคืนได้ เพราะถ้าเอามารวมเป็นเงินได้ตอนปลายปีก็จะเสียภาษีเพิ่ม ดังนั้น มันก็มีผลกระทบกับคนส่วนหนึ่งที่ต้องเสียภาษีส่วนนี้ไปฟรี ๆ แม้จะไม่ใช่จำนวนเงินมากก็ตาม (คิดเป็นจำนวนภาษีที่ถูกหัก ณ ทีจ่ายสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท เมื่อคิดจากฐานดอกเบี้ย 20,000 บาท)

มุมนักบัญชี
         ดังนั้นในมุมมองของเรื่องภาษีที่มีผลกระทบอาจจะมีเพียงเท่านี้ แต่ถ้าหากเรามองต่อของมุมนักบัญชี เราควรจะแนะนำเรื่องนี้กับผู้รับบริการของเราอย่างไรแบบไหน ว่าจริง ๆ แล้วควรจะกลัวไหมเรื่องเสียภาษี
         หรือถ้าหากคิดว่าจะเป็นปัญหา และไม่อยากเสียภาษีบัญชีออมทรัพย์ เราควรแนะนำต่อไปว่าให้หาช่องทางอื่นฝากเงินแทนที่พอจะทดแทนกันได้ เช่น เงินฝากเผื่อเรียกออมสิน เงินฝากออมทรัพย์ ธ.ก.ส หรือไปใช้เงินฝากประเภทอื่นที่อาจจะมีสภาพคล่องน้อยกว่า เช่น ฝากประจำปลอดภาษี เงินฝากออมทรัพย์สหกรณ์ สลากออมสิน สลาก ธกส. เป็นต้น
         หรือถ้าเห็นว่าผู้รับบริการมีความเครียดมาก อาจจะแนะนำให้หาบัญชีเงินฝากที่ไม่มีดอกเบี้ยกันไปเลยก็ได้   นอกจากนั้น ยังต้องอธิบายเพิ่มเติมในส่วนของกฎหมายอีกว่า ผลกระทบที่ว่านี้มีเฉพาะบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เท่านั้น และไม่มีผลกระทบกับนิติบุคคล เพราะว่ากฎหมายนี้บังคับกับบุคคลธรรมดา ดังนั้นกิจการที่ดูแลอยู่ในรูปแบบนิติบุคคลไม่ได้รับผลกระทบอะไรใด ๆ รวมถึงอธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ธนาคารส่งไปไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมด หรือรายการเคลื่อนไหวในบัญชี แต่มันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการคำนวณดอกเบี้ยและการจ่ายดอกเบี้ย แถมยังต้องย้ำอีกทีว่ามันเกี่ยวข้องเฉพาะบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เท่านั้น ไม่ได้กระทบบัญชีประเภทอื่น ๆ แต่อย่างใด

 

ที่มา : บทความ ดอกเบี้ยออมทรัพย์กับภาษีและเรื่องที่นักบัญชีต้องใส่ใจ” โดย : TAX Bugnoms วารสาร CPD & Account ปีที่ 16 ฉบับที่ 186 เดือนมิถุนายน 2562 สมัครสมาชิกวารสาร CPD & Account 

 


       

         

 825
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์