วิธีหาลูกค้าใหม่แบบ "แทบ" ไม่ต้องใช้เงินซักบาท

วิธีหาลูกค้าใหม่แบบ "แทบ" ไม่ต้องใช้เงินซักบาท

การหาลูกค้าใหม่ เป็นสิ่งที่นักขายหรือนักธุรกิจทุกคนต้องลงมือทำทุกวันอยู่แล้ว ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวมักมาจากการขาดกิจกรรมที่่ทำให้ได้ลูกค้าใหม่และขาดแผนรองรับในกรณีที่สูญเสียลูกค้าเก่าให้กับคู่แข่ง


 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแบบ B2B หรือ B2C จึงจำเป็นต้อง "ทุ่มเงิน" ในการเพิ่มประสิทธิภาพการหาลูกค้าใหม่และการขายเพิ่มให้กับลูกค้าเก่าอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างง่ายๆ แบบธุรกิจ B2B
ก็คือการเพิ่มงบประมาณสร้างทีมขาย การทำการตลาดแบบ
B2B เป็นต้น

 ส่วนธุรกิจ B2C ก็คงหนีไม่พ้นการทุ่มเงินด้านการตลาด เช่น โฆษณา โปรโมชั่น ออนไลน์ กูเกิ้ล SEO หรือ SEM เป็นต้น หมายความว่ากิจกรรมด้านการหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น
นั้นมักเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ แทบทั้งนั้น

 คุณอาจจะคิดว่าแบบนี้คนมีเงินก็ได้เปรียบคุณน่ะสิ ใช่ครับ ได้เปรียบกว่าคุณแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่าพึ่งเสียใจไปนะครับ ถึงแม้ว่าธุรกิจของคุณจะขาดทุนหรือไม่ได้มีงบประมาณเสริมทัพแบบเงินถุงเงินถังขนาดนั้น
ธุรกิจของผมเองก็เคยมีสภาพแบบนั้นตอนตั้งบริษัทมาใหม่ๆ ผมจึงมีวิธีดีๆ ในการหาลูกค้าใหม่แบบไม่ต้องใช้เงินซักบาท ที่สำคัญคือใช้ได้ทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นแบบ
B2B หรือ B2C
ครับ


 

1.ถามลูกค้าปัจจุบันเพื่อให้ "ลูกค้าบอกต่อ"

วิธีนี้ไม่ต้องใช้เงินซักบาทแถมยังได้สุดยอดคอนเนคชั่นที่น่าเชื่อถือสุดๆ วิธีการก็ง่ายๆ คือโทรหรือทำนัดเข้าเยี่ยมพวกลูกค้าเกรดเอในมือคุณที่ชอบคุณหรือซื้อขายกับคุณอยู่เป็นประจำ จากนั้นก็ถามพวกเขาไปตรงๆ เลยว่า "คุณให้บริการได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ลูกค้าพอจะมีคนรู้จักให้ผมเข้าไปบริการมั้ยครับ" ถามกันง่ายๆ แบบนี้เลย รับรองว่าเผลอๆ พวกเขายกหูโทรให้คุณและแนะนำคุณเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่พวกเขายินดีจะให้เบอร์คนที่พวกเขารู้จักอยู่แล้ว คุณจึงโทรไปหาลีดลูกค้าใหม่และบอกไปตรงๆ ว่าลูกค้าเก่าของคุณแนะนำมา รับรองว่าทำนัดเข้าไปขายได้ง่ายมาก

 

2. กลับเข้าไป "ขายเพิ่ม" กับลูกค้าเก่า

 

คุณควรจะมีฐานข้อมูล โดยเฉพาะรายงานการขายหรือระบบ CRM ที่บอกสถานะของลูกค้าแต่ละรายว่ามีการซื้อขายอะไรไปแล้วบ้าง รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่สำคัญอย่าง ชื่อ ตำแหน่ง เบอร์โทร อีเมล์ เพื่อทำการติดต่อทำนัดกลับเข้าไปขายพวกเขาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเกรดเอหรือลูกค้าที่ยกเลิกการซื้อขายกันไปนานแล้ว อย่างน้อยถ้าคุณทำนัดด้วยมุกใหม่ๆ เช่น คุณมีสินค้าใหม่ มีกรณีศึกษาที่เยี่ยมมากอยากแชร์ มีบริการใหม่ที่เจ๋งมาก เป็นต้น เมื่อทำนัดเข้าไปได้แล้วก็หมายความว่าคุณจะมีโอกาสได้ลูกค้าใหม่และได้ยอดขายเพิ่มอีกครั้งแบบไม่ต้องใช้เงิน

 

3. หาลูกค้าใหม่ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย 

 

โซเชี่ยลมีเดียก็เอาไว้ใช้หาลูกค้าได้แถมยังฟรีอีกต่างหาก ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเฟซบุ้คนั้นมันเปิดกะลาให้คุณรู้จักคนใหม่ๆ นอกจากสังคมที่คุณอยู่ด้วยการขอเป็นเพื่อน แถมยังมีกลุ่มหรือเพจต่างๆ ที่มีคนที่มีความต้องการในเรื่องต่างๆ สิงสถิตย์อยู่ เช่น คุณเป็นเซลล์ขายรถ คุณจึงไปสิงอยู่ในกลุ่มรถยนต์และมองหาคนที่คอมเม้นบอกความต้องการรถใหม่ๆ คุณจึงเข้าไปพูดคุยเพื่อขายรถกับพวกเขา หรือถ้าคุณทำธุรกิจแบบ B2B ลิ้งก์อิน (LinkedIn) เป็นเครื่องมือที่คุณจะขาดไม่ได้เพราะคุณสามารถหาลูกค้าตำแหน่งต่างๆ ที่คุณต้องการและขอเป็นเพื่อนได้แบบง่ายเพียงปลายนิ้ว ที่สำคัญคือส่งข้อความหรือโทรทำนัดจากเบอร์มือถือของพวกเขาแบบฟรีๆ เลยครับ

 

4. เขียนบทความหรือสร้างเนื้อหาที่ได้ประโยชน์ให้กับสังคม

 

เป็นวิธีที่คุณใช้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่คุณทำและเอามันมาเผยแพร่ให้กับชาวโลกผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น บทความ วีดีโอ คลิปเสียง อินโฟกราฟิก​ฯลฯ วิธีนี้แทบไม่ต้องเสียตังซักบาทแถมยังทำให้คุณได้ลูกค้าใหม่แบบไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ สามารถทำได้ทั้งธุรกิจ B2B หรือ B2C ตัวอย่างเช่น ธุรกิจ B2B ของคุณคือระบบไอทีขนาดใหญ่ คุณจึงเขียนบทความพร้อมรูปภาพประกอบเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ดีจากการใช้ระบบดิจิทัล จากนั้นก็เอาไปเผยแพร่บนเครือข่ายสังคมหรือกลุ่มคนไอที ไม่แน่ว่าคนอ่านอาจจะเป็นระดับผู้จัดการไอทีที่สนใจสิ่งที่คุณเขียนและติดต่อคุณเข้ามาเอง ส่วนธุรกิจ B2C นั้นมีหลากหลายมาก โดยเฉพาะการทำผ่านอินฟลูเอนเซอร์แทนตัวคุณนั่นเอง

 

5. เข้าร่วมสมาคมที่ธุรกิจคุณได้ประโยชน์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

 

เป็นการออกแรงเพื่อไปหาสังคมใหม่ๆ กลุ่มคนใหม่ โดยเฉพาะสังคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ตัวอย่างเช่น งานสัมมนาธุรกิจที่ฟรีหรือไม่แพง กลุ่ม BNI (กลุ่มเครือข่ายสังคมคนทำธุรกิจแบบออฟไลน์) เป็นต้น หรือถ้าคุณไม่อยากเหนื่อยและชื่นชอบความเป็นออนไลน์ กลุ่มเครือข่ายสังคมบนเฟซบุ้คนั้นมีความสำคัญมาก เช่น คุณเป็นนักการตลาดและอยากเจอคนที่น่าจะเป็นลูกค้าได้ กลุ่มปิดที่น่าสนใจเช่น กลุ่มดิจิทัลเตาะแตะ ก็เป็นกลุ่มศูนย์รวมของนักการตลาดทั่วฟ้าเมืองไทย เมื่อมีการเปิดประเด็นอะไรบางอย่างและคุณช่วยพวกเขาได้ เมื่อนั้นคุณก็มีโอกาสทำความรู้จักและทำให้พวกเขาเป็นลูกค้าคุณได้ในที่สุด

 

6. ส่งอีเมล์หรือข้อความไปหาลูกค้าทุกคนที่คุณมีอีเมล์หรือเบอร์โทรอยู่

 

อย่าดูถูกวิธีนี้เชียวนะครับ ใช้ได้กับทุกธุรกิจ การยิงอีเมล์หรือข้อความไม่ได้หมายความว่าคุณต้องส่งแบบซี้ซั้ว จงร่างจดหมายให้มีความกระชับและควรเป็นข่าวดีที่ทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น เช่น สินค้าหรือบริการใหม่ๆ และในอีเมล์ควรมีเจตนาที่ดีในการขอทำนัดหรือทำให้พวกเขาตอบรับอีเมล์ว่ารู้สึกอย่างไรจะเยี่ยมมาก รับรองว่าส่งไปแล้วย่อมมีคนตอบกลับมาอย่างแน่นอน กลุ่มคนตอบกลับนั่นแหละคือคนที่สนใจอีเมล์ของคุณ ส่วนธุรกิจ B2C นั้นจะดีมากถ้าคุณส่งเป็นข้อความผ่านไลน์หรือ SMS ได้ มุกง่ายๆ คือส่งข้อความพร้อมโปรโมชั่น เช่น ส่วนลดต่างๆ รับรองว่าลูกค้าตอบกลับเยอะและแทบจะวิ่งมาซื้อคุณแบบง่ายๆ เลยล่ะครับ



ที่มา: Sales100million

 1793
ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์