Prosoft ibiz เป็นโปรแกรมที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเทียบเท่าระบบ ERP แต่ราคาระดับโปรแกรมบัญชีทั่วไป รองรับธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) , บริการ (Service) แต่จะไม่รองรับธุรกิจผลิต (Manufacturing) โดยโปรแกรมประกอบด้วยระบบต่างๆดังนี้
1. ระบบบริหารงานขาย (Sales)
2. ระบบบริหารงานซื้อ (Purchasing )
3. ระบบคลังสินค้า (Inventory Management)
4. ระบบบริหารบัญชี (Accounting)
5. ระบบเช็คและธนาคาร ( Cheque & Bank )
6. ระบบเงินสดย่อย ( Petty Cash )
7. ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ( CRM )
8.ระบบอนุมัติเอกสาร (Appove Center )
9. Audit and Internal Control
10. Dashboard & Analysis Report
นอกจาก 10 ระบบหลักๆนี้แล้ว โปรแกรมยังรองรับ รองรับ E-Filing , e-Tax Invoice และรองรับการทำงานผ่านมือถือ รวมถึงการเชื่อมต่อ Platform Lazada และ Shopee , เชื่อมต่อโปรแกรมบริหารจัดการทรัพย์สินถาวร Fix Asset Management , เชื่อต่อ โปรแกรมบริหารทรัพยากรมนุษย์ HRMi
ระบบ ERP แตกต่างจากโปรมแกรมบัญชีอย่างไร ?
ระบบ ERP เป็นระบบธุรกิจที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวที่ครอบคลุมการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์กร รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Relationship Management – CRM) การบริหารจัดการสินค้าและบริการ (Supply Chain Management – SCM) การบัญชีและการเงิน (Financial Management) และฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารจัดการคลังสินค้า (Inventory Management) และการบริหารจัดการโครงการ (Project Management) เป็นต้น
ความต่างระหว่างระบบ ERP และโปรแกรมบัญชี
1. ฟังก์ชันการใช้งาน
โปรแกรมบัญชี : เน้นการจัดการงานบัญชีเท่านั้นเช่น การบันทึกบัญชี,การจัดการเจ้าหนี้/ลูกหนี้ ,การคำนวณภาษี,การทำรายงานทางการเงิน
ระบบ ERP : นอกจากงานบัญชีแล้วยังครอบคลุมงานด้านอื่น ๆ ของธุรกิจ เช่น การจัดซื้อ การบริหารคลังสินค้า และการผลิต
2. การบูรณาการข้อมูล
โปรแกรมบัญชี : ข้อมูลจะถูกจัดเก็บแยกจากระบบอื่นในองค์กร อาจจะทำให้เกิดปัญหา ข้อมูลซ้ำซ้อน และความล่าช้าในการสรุปรายงาน
ระบบ ERP : เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างทุกแผนกในองค์กร แผนกต่างๆ ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้อง ทันสมัย และรวดเร็ว
3. การวิเคราะห์และการรายงาน
โปรแกรมบัญชี : การรายงานจำกัดเฉพาะด้านบัญชี เช่น งบกำไรขาดทุน หรืองบดุล
ระบบ ERP : สามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบลึกแบบเรียลไทม์ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การรองรับการเติบโตของธุรกิจ
โปรแกรมบัญชี : เหมาะสำหรับธุรกิจที่ยังไม่ซับซ้อน หรือมีการดำเนินงานในลักษณะเดิม
ระบบ ERP : รองรับการขยายตัวของธุรกิจ การบริหารงบการเงินอย่างละเอียดตามความซับซ้อนของธุรกิจ เช่น การเพิ่มสาขา หรือการจัดการระบบข้ามประเทศ
5. ต้นทุนการใช้งาน
โปรแกรมบัญชี : มีค่าใช้จ่ายไม่สูง และเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด
ระบบ ERP : มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงที่กว่า แต่ให้ความคุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
บทสรุป
ระบบ ERP เป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพในการจัดการองค์กรแบบองค์รวม ขณะที่โปรแกรมบัญชีจะเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเฉพาะการจัดการด้านการเงินและบัญชี
สุดท้ายแล้วทางเลือกทีดีที่สุดของแต่ละองค์กรก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อกำหนดของแต่ละองค์กรนั้นๆ ดูรายละเอียดหรือทดลองใช้งานฟรี คลิก!
เขียนและเรียบเรียงโดย : บริษัท โปรซอฟท์ ซีอาร์เอ็ม จำกัด | 30 พฤษภาคม 2568