ยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 ใครต้องยื่น หักค่าใช้จ่ายแบบไหน? ใช้สิทธิลดหย่อนอย่างไร?

ยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 ใครต้องยื่น หักค่าใช้จ่ายแบบไหน? ใช้สิทธิลดหย่อนอย่างไร?



ใกล้เข้าสู่ช่วงยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) กันอีกครั้ง สำหรับปีภาษี 2568 ผู้ที่มีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน อาชีพอิสระ รับเหมา หรือทำธุรกิจส่วนตัว อย่าลืมตรวจสอบสิทธิและเตรียมเอกสารให้พร้อม สำหรับ “ภาษีครึ่งปี” ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่สำหรับคนที่มีรายได้ในประเภทที่กล่าวไปข้างต้น การยื่น ภ.ง.ด.94 ถือเป็น จุดเริ่มต้นของการวางแผนภาษีที่ไม่ใช่แค่การ “รายงานรายได้” แต่เป็นโอกาสในการประเมิน ทบทวน และวางกลยุทธ์ภาษีได้ล่วงหน้า

ใครที่ต้องยื่น?

คนที่มีรายได้ในช่วง ม.ค.–มิ.ย. 2568 และเข้าเงื่อนไขต่อไปนี้

• โสด: รายได้เกิน 60,000 บาท

• คู่สมรส (จดทะเบียน): รายได้รวมกันเกิน 120,000 บาท

และรายได้นั้นอยู่ในประเภทต่อไปนี้

มาตรา 40(5) : ค่าเช่าทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน รถ

มาตรา 40(6) : วิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ ทนาย วิศวกร ฯลฯ

มาตรา 40(7) : รับเหมา

มาตรา 40(8) : ธุรกิจส่วนตัว เช่น ขายของออนไลน์ นักแสดง ร้านอาหาร ฯลฯ

หักค่าใช้จ่าย : แบบเหมาหรือแบบตามจริง เลือกอย่างไร?

ทางเลือก 1 หักแบบเหมาจ่าย สะดวกและไม่จำเป็นต้องมีเอกสารประกอบ โดยมีกำหนดอัตราเฉพาะตามประเภทรายได้ เช่น รายได้จากธุรกิจ หักได้ 60%, วิชาชีพอิสระบางประเภท หักได้ 30–60% ตามประเภท

ทางเลือก 2 หักค่าใช้จ่ายตามจริง เหมาะกับคนที่มีค่าใช้จ่ายเยอะและอยากประหยัดภาษีให้เต็มสิทธิ แต่จะต้องมีหลักฐานครบถ้วนและต้องมีการบันทึกบัญชีถูกต้องตามแบบที่กรมสรรพากรกำหนด

Tax Tips : ในการยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ผู้เสียภาษีสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาไว้ล่วงหน้า และหากพบว่าการหักตามจริงในช่วงปลายปี (ภ.ง.ด.90) จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้มากกว่า ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้วิธีหักตามจริงได้ ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด

แนวทางการเลือกใช้สิทธิลดหย่อนของการยื่นครึ่งปี

ขอหยิบยกตัวอย่างค่าลดหย่อนที่น่าสนใจ ทั้งนี้ ผู้เสียภาษีจะต้องทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนของตนเพิ่มเติม

1) กลุ่มที่ใช้ลดหย่อนครึ่งปีได้ตามปกติ

• จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพของตนเอง ต้องเป็นค่าเบี้ยที่จ่ายในเดือน มกราคม - มิถุนายน ไม่เกิน 25,000 บาท (เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตหัก ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท)

• กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

• กองทุนรวม Thai ESGX (วงเงินพิเศษปี 68) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท

• คนที่มี LTF เดิมอยู่ แล้วสับเปลี่ยนเป็น Thai ESGX (ปี 68) ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท

• กองทุนรวม Thai ESG (ปกติ) หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท

2) กลุ่มที่ใช้ลดหย่อนครึ่งปีได้น้อยกว่าปกติ

• ค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

• ค่าลดหย่อนบุตรหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท) หากเป็นบุตรคนที่สอง เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ.2561 สามารถหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

• ค่าเบี้ยประกันชีวิตหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง ตั้งแต่เดือน ม.ค. - มิ.ย. โดย 10,000 บาทแรก หักได้ 50% ส่วนที่เกิน 10,000 หักได้สูงสุด 90,000 บาท เช่น จ่ายเบี้ยประกันชีวิต จำนวน 100,000 บาท จะสามารถหักลดหย่อนได้ 95,000 บาท (มาจาก 10,000 บาทแรกลดหย่อนภาษีได้ครึ่งหนึ่ง คือ 5,000 บาท และลดหย่อนภาษีส่วนที่เกิน 10,000 บาท คือ 90,000 บาท)

3) กลุ่มที่ใช้ลดหย่อนครึ่งปีไม่ได้

• กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชนเนื่องจากเป็นกลุ่มค่าลดหย่อนที่เกี่ยวข้องกับรายได้จากงานประจำ ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนในการยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 ได้

กำหนดเวลาการยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ปี 2568

• ยื่นแบบได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2568 (แบบกระดาษ)

• ผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th): ภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2568

การยื่นแบบภ.ง.ด.94 นอกจากเป็นหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นโอกาสในการประเมินรายได้และวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถประเมินภาพรวมภาษีทั้งปี บริหารค่าลดหย่อนได้ระหว่างปี อีกทั้ง สามารถใช้รายได้ครึ่งปีมาประเมินแนวโน้มทั้งปี เพื่อวางแผนทยอยซื้อประกัน/กองทุนรวมลดหย่อนภาษีอย่างเหมาะสมได้อีกด้วย

Cr. www.bangkokbiznews.com