เงินภาษีคืนได้! เจาะลึกวิธีขอคืน VAT ที่ผู้ประกอบการต้องรู้
หลายคนอาจไม่รู้ว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” (VAT) ที่เราจ่ายออกไปทุกครั้งในการทำธุรกิจนั้น สามารถขอคืนได้ในบางกรณี ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะการขอคืน VAT อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ลดภาระต้นทุน และสร้างโอกาสในการขยายกิจการได้มากขึ้น
แต่การขอคืนภาษีไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่มีความรู้หรือเตรียมเอกสารให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร อาจนำไปสู่ความล่าช้า หรือถูกปฏิเสธคำขอได้
การเตรียมเอกสารรวมถึงขั้นตอนการขอคืน VAT อย่างถูกต้อง
ในการยื่นแบบ ภ.พ.30 แต่ละเดือน ผู้ประกอบการต้องระบุยอดภาษีซื้อ (Input VAT) และภาษีขาย (Output VAT) อย่างชัดเจน หากพบว่าภาษีซื้อมากกว่า ก็สามารถเลือก "ขอคืน" ได้
ในแบบฟอร์ม ภ.พ.30 จะมีตัวเลือกให้ “ขอคืน” หรือ “ยกยอดไปหักในเดือนถัดไป” หากเลือก “ขอคืน” ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม และต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากสรรพากร
ในกรณีการขอคืนภาษีด้วยแบบ ภ.พ.30 ให้ยื่นคำร้อง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบรวมได้ **โดยแบบแสดงรายการภาษี (ฉบับปกติ) ต้องยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ในกรณีการขอคืนภาษีด้วยแบบ ค.10 ให้ยื่นคำร้องที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ซึ่งสถานประกอบการตั้งอยู่ หรือที่กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ (เฉพาะกรณีที่กิจการอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น) (ข้อมูลจากกรมสรรพากร)
หลังจากยื่นคำขอแล้วสามารถตรวจสอบสถานะผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร หรือสอบถามที่สำนักงานที่ยื่นคำขอ โดยปกติจะใช้เวลาพิจารณาแล้วแต่กรณี หากพบว่าขาดเอกสารหรือข้อมูลไม่ครบ อาจถูกแจ้งให้ชี้แจงเพิ่มเติม
หากผลการตรวจสอบพบข้อผิดพลาด หรือหากผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยกับผลการคืนภาษี สามารถยื่นคำร้องอุทธรณ์โดยใช้แบบฟอร์มคำอุทธรณ์ (ภ.ส.6) ภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้
6.1 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนภาษี (ค.20) หรือหนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากร (ค.30)
6.2 ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.72/ ภ.พ.72.1) หรือหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.72/ ภ.พ.73.1)
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและควรหลีกเลี่ยง
เคล็ดลับเพื่อการขอคืน VAT ที่มีประสิทธิภาพ
สรุป การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นหนึ่งในสิทธิของผู้ประกอบการที่สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่กระบวนการดังกล่าวต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และการจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้อง หากเข้าใจขั้นตอนอย่างครบถ้วน และวางแผนภาษีได้อย่างเป็นระบบ ผู้ประกอบการจะสามารถใช้สิทธินี้ได้อย่างเต็มที่ สามารถลดต้นทุน เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน และสร้างโอกาสในการขยายกิจการได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
Cr. www.bangkokbiznews.com